ถือยาวได้ เห็นกำไร
ถือยาวได้ เห็นกำไร
คำว่า Courage แปลตามศัพท์ว่าความกล้าหาญ ซึ่งโดยปกติแล้วมักจะเกี่ยวโยงกับตำนานของพวกทหารที่ไป
ทำศึกสงคราม หรือการปกป้องบ้านเมือง แต่ในแง่ของการลงทุนนี้ เราคงจะมอง Courage ไปในแนวทางที่ว่า ใครจะกล้ากำไรมากกว่ากัน สำหรับเราแล้วนะครับเพื่อน ๆ เราขอบอกเพื่อน ๆ ว่า จังหวะซื้อหุ้นนั้นก็สำคัญ จังหวะที่จะขายก็สำคัญอีกเช่นเดียวกัน แต่ทั้งสองจังหวะนั้นก็ไม่สำคัญเท่ากับตอนที่ถือหุ้นครับเนื่องจากกำไรที่จะเกิดขึ้นมาได้มาก ๆ นั้น โดยมากแล้วจะมาจากช่วงที่เราถือหุ้นไว้นิ่ง ๆ ซะมากกว่าที่เราจะซื้อ ๆ ขาย ๆ
บ่อย ๆ ครับ ช่วงเวลาที่ราคาหุ้นค่อย ๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นมานั้นถ้าเราซื้อหุ้นตัวนั้นทีขายหุ้นตัวนี้ที ในที่สุดแล้วเราอาจจะกำไรตัวนั้นนิด ขาดทุนตัวนั้นหน่อย รวม ๆ ก็พอจะได้กำไร แต่ว่าไม่มากเท่าไร เราถามเพื่อน ๆ ว่า จะเป็นนักลงทุนแบบนั้นมั๊ยครับ ? เล่นหุ้นแบบนั้นได้ความมัน ได้ลุ้นแทบทุกวัน แต่เราว่า ไม่ค่อยได้ตังมากเท่าไรนะ แนวทางของเรา ที่เราเอามาบอกเพื่อน ๆ นี้น่ะ อาจจะเล่นไม่ค่อยมันเท่าไรนะ แต่ว่าได้ตังครับ สนมั๊ยล่ะครับ ?
คือว่า ความกล้าถือหุ้นที่เราหมายถึงนี้น่ะครับ มันไม่ได้หมายความว่าจะให้ถือหุ้นอะไรก็ได้ ถือไปยาว ๆนาน ๆ แล้วมันจะดีเองนะครับ หุ้นที่จะถือจะต้องผ่านการคัดเลือก ตัดตัว ผ่านการวิเคราะห์หลายขั้นหลายตอนจนกระทั่งเราสามารถเชื่อมั่นได้ในระดับสูง ว่าบริษัทของเรา กิจการของเราจะต้องมีกำไรเพิ่มมากขึ้น จ่ายเงินปันผลมากขึ้น ซึ่งจะเป็นเหตุผลักดันให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นไปด้วยเช่นเดียวกัน หุ้นแบบที่ว่านี้จะต้องไม่ทำโครงการขายฝัน ประเภทที่ว่าวันนี้ยังไม่กำไร ขอให้ผู้ถือหุ้นรอไปอีก 2 ปี หรือ 3 ปี แล้วจะทำกำไร หรือว่ามีโครงการต่าง ๆ มากมาย แต่ว่างบการเงินแสดงผลขาดทุน เราไม่เอานะครับ ถ้าเพื่อน ๆ กล้าไปถือหุ้นประเภทนี้เข้าล่ะก็ เพื่อน ๆ ก็จะกล้าขาดทุนอย่างมากมาย ๆ แทนที่จะเป็นการกล้ากำไรครับ
เหตุผลสำคัญอีกประการหนึ่งที่เราแนะนำวิธีการถือหุ้นระยะยาวก็เนื่องจากว่า พวกเราเองส่วนมากก็จะยังต้องทำงานประจำอยู่ ดังนั้นการจะมาดูหน้าจอหุ้นทุกวันเพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดนั้นก็อาจจะไม่สะดวกนัก และอาจจะมีผลกระทบต่อการทำงานประจำด้วย การถือหุ้นระยะยาว แล้วติดตามข่าวสารของบริษัทนั้น ๆ เรื่อย ๆ ไปน่าจะเป็นวิธีการที่สะดวกกว่า แล้วจากประสบการณ์ของเรามันให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า และมากกว่าการซื้อขายหุ้นบ่อย ๆ นะครับ การทำผลตอบแทนให้ได้มากนั้น เราว่าจะต้องสามารถทำให้เงินลงทุนของเราที่ลงทุนในหุ้นทั้ง Portfolio เพิ่มขึ้นให้ได้ปีละประมาณ 30% ถึง 50% ถ้าทำได้มากกว่านี้เพื่อน ๆ อาจจะตั้งเป้าหมายทางการเงินได้ไกลกว่าคนทั่ว ๆ ไปได้มากทีเดียวครับ ซึ่งดู ๆ แล้วว่าถ้าใช้วิธีเน้นเล่นหุ้นระยะสั้น การ
จะทำได้ 30% หรือ 50% ต่อปีนั้น จะต้อง Trade ให้ได้กำไรประมาณปีละ 30 ครั้ง โดยคิดว่ากำไรแต่ละครั้งของการ Trade หัก Commission แล้วเหลือกำไรจริง ๆ ประมาณ 1% โดยที่ไม่มีครั้งไหนที่ขาดทุนหรือว่าเสมอตัวเลย ซึ่งตามความเห็นเราแล้ว มันยากมากทีเดียว แต่ว่าถ้าใครทำได้ก็ตามครับก็ยังเสียเปรียบคนที่ถือหุ้นระยะยาวอยู่มาก เนื่องจากว่าคนที่ถือหุ้นของกิจการที่เติบโตดี และมีกำไรที่โดดเด่นมากนี้ อาจเป็นเจ้าของบริษัทที่สามารถทำกำไรเติบโตได้มากกว่าปีละ 100% ซึ่งในบางครั้ง การที่กำไรของบริษัทเติบโตมากขนาดนี้
อาจจะทำให้ราคาหุ้นพุ่งสูงขึ้นไปได้ถึง 150% เนื่องจากตลาดรับค่า PER ของหุ้นตัวนั้นที่สูงขึ้น ดังนั้นในกรณีแบบนี้ การเล่นหุ้นระยะสั้นและหวังจะเอาชนะผู้ลงทุนระยะยาว ก็จะต้องทำผลตอบแทนให้ได้ถึง 150%ต่อปีด้วย ซึ่งหมายความว่าในการ Trade หนึ่งปี ซึ่งมีวันทำการไม่เกิน 250 วัน จะต้องทำกำไรให้ได้ทุก ๆสองวัน หรือมากกว่านั้นนิดหน่อย แล้วจะต้องไม่มีรายการไหนที่ขาดทุนเลย นอกจากนี้ยังจะต้องซื้อเต็มวงเงินลงทุนและขายหุ้นทั้งจำนวนเสมอ ซึ่งเรามองในแง่นี้แล้ว คิดว่าเป็นสิ่งที่ทำได้ยากมาก มีเพื่อน ๆ ของเราเองหลายคนที่พยายามจะทำแบบนี้ แต่จริง ๆ แล้วเราเห็นว่าคนเหล่านั้นเล่นหุ้นเอา
ความมัน สนุก มากกว่าที่จะต้องการเดินไปสู่เป้าหมายของ “อิสรภาพทางการเงิน” เท่าที่เราสังเกตดู รวมถึงสอบถามรายการ Trade แล้วก็ผลตอบแทน พบว่าเวลาหุ้นขึ้นมาจาก 10 บาท ถึง 23 บาท คนที่ถือหุ้นระยะยาวจะได้กำไร 13 บาท หัก Commission นิดหน่อยก็เหลือประมาณ 12.90 บาท แต่ว่าคนที่ซื้อ ๆ ขาย ๆอาจจะกำไรมาตลอดทาง แต่ว่ารวมแล้วอาจจะได้มาแค่ 8 บาท ก็ได้ ซึ่งในกรณีนี้เราว่ามันไม่คุ้มค่าเป็นอย่างยิ่งสำหรับการลงทุน ลงแรงสมองและความคิดไปวิเคราะห์หุ้น ซึ่งกว่าจะหามาได้แต่ละตัวในจังหวะและเวลาที่ถูกต้องก็ไม่ใช่ง่าย ๆ แล้วอะไรที่เราได้มาอย่างยากลำบากเราก็ควรจะได้ประโยชน์จากมันอย่างคุ้มค่าใช่มั๊ยครับ ?ดังนั้นเราขอแนะนำให้เพื่อน ๆ เลือกหุ้นกันดี ๆ ถือกันยาว ๆ กำไรกันเยอะ ๆ ครับ
เท่าที่เราเห็นนะครับ นักลงทุนส่วนใหญ่กล้าขาดทุนครับ คือเวลาหุ้นลงแล้วส่วนมากกล้าที่จะรอให้หุ้นมันขึ้นมาแล้วหุ้นบางตัวก็ขึ้น บางตัวก็ไม่ขึ้นครับ บางทีรอนาน ๆ เป็นเดือน ๆ ครึ่งปี หรือว่าเป็นปีก็รอได้ แต่ว่าสำหรับกรณีที่มีกำไร เราว่าหลายคนรอไม่ได้ครับ กำไรนิดเดียวก็ขายแล้วครับ อย่างนี้ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้กำไรเยอะ ๆ ครับ เพราะว่านิสัยแบบนี้เป็นการจำกัดกำไรของตัวเอง คือเมื่อกำไรก็กำไรนิดเดียว เมื่อขาดทุนขาดทุนได้เยอะ ๆ ครับ เราว่าวิธีไม่ดีเลย ถ้าเพื่อน ๆ อยากประสบความสำเร็จในเส้นทางเดินสายนี้ เพื่อน ๆ ที่มีนิสัยแบบนี้
ต้องแก้ให้ได้ครับ เราน่ะคงได้แต่บอกเพื่อน ๆ ที่เราบอกนี้ด้วยความหวังดีครับ และมันเป็นหลักการที่เราเองก็ได้พิสูจน์จนเห็นความจริงมาแล้ว ก็ได้แต่หวังว่าจะมีเพื่อน ๆ รับเอาไปใช้บ้างนะครับ
ขอความสำเร็จจงมีแด่ท่านผู้กล้าหาญ
“Fortune sides with him who dares”
Virgil, Roman Poet
ขอให้สนุกกับการจัดพอร์ตกันนะครับ
สิ่งเล็กๆที่เรียกว่าหุ้น
#สิ่งเล็กๆที่เรียกว่าหุ้น #จัดพอร์ตการลงทุน #การลงทุนในหุ้น
——————————————————————————
ติดตามอ่านเรื่องดีๆเกี่ยวกับหุ้นและการลงทุนต่อได้ที่ สิ่งที่เล็กๆที่เรียกว่าหุ้น ได้ที่นี่เลยครับ www.facebook.com/thaistockfocus