Tax Shield



Tax Shield

เมื่อพูดถึงเรื่องของการลงทุนนั้น ก็เป็นที่รู้กันนะครับเพื่อน ๆ ว่าศัตรูที่สำคัญประการหนึ่งของผลตอบแทนการลงทุนก็คือภาษีที่จะต้องเสียจากการลงทุนนั่นเอง ในมุมมองของบริษัทนั้น การที่จะไม่ต้องเสียภาษีเงินได้อย่างถูกกฎหมาย วิธีการประการหนึ่งก็คือ ไปยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) แต่วิธีนี้ก็ไม่สามารถใช้กันได้ทุกบริษัท เนื่องจากว่าธุรกิจที่ BOI จะสนับสนุนนั้นมีอยู่เพียงบางอุตสาหกรรมเท่านั้น และบริษัทที่จะเข้าข่ายได้รับการส่งเสริมการลงทุนก็จะต้องมีคุณสมบัติตามที่BOI กำหนด ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาอยู่เองที่จะมีบริษัทจำนวนมากที่ไม่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน ซึ่งพวกเราในฐานะนักลงทุน ก็ควรจะระลึกไว้เสมอว่าบริษัทที่ได้ BOI จะมีภาระภาษีน้อยกว่าบริษัทที่ไม่ได้ BOI ซึ่งจะทำให้มีผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นค่อนข้างดี อย่างไรก็ตามกรณีของการได้ BOI นี้เป็นเพียงส่วนประกอบประการหนึ่งในการวิเคราะห์หุ้นเพื่อลงทุน จึงต้องพิจารณาส่วนประกอบอื่น ๆ อย่างรอบคอบด้วย

สำหรับนักลงทุนอย่างพวกเราที่ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์นั้น ก็จะไม่ต้องเสียภาษีเงินได้จากกำไรส่วนต่างราคาหุ้น (Capital Gain Tax) อยู่แล้ว แต่ว่าในส่วนของเงินปันผลที่ได้รับนั้น บริษัทที่ไม่ได้ BOIจะต้องหัก Withholding Tax ไว้ก่อนที่จะจ่ายให้เราอยู่แล้ว รวมทั้งบริษัทเหล่านั้นยังได้จ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคลไปแล้วด้วย ซึ่งสำหรับนักลงทุนส่วนมากก็จะสามารถขอคืนภาษีส่วนนี้ที่กรมสรรพากรเก็บเกินไปได้ตอนยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ครับ

ดังนั้นการรับเงินปันผลจากบริษัทที่ไม่ได้ BOI อาจจะถือว่าเป็น Tax Shield อย่างหนึ่งก็ได้ แต่ว่าตอนนี้ก็มี Tax Shield ตัวสำคัญที่รัฐบาลออกมาให้เราใช้หลายตัว เช่น การซื้อประกันชีวิต RMF แล้วก็LTF ซึ่งก็มีประโยชน์แตกต่างกันไปตามรูปแบบของเครื่องมือทางการเงินแต่ละตัว อย่างประกันชีวิตนั้นคนที่ซื้อย่อมไม่ได้คาดหวังผลตอบแทนมากนักแต่จะได้ความคุ้มครองทางด้านชีวิตและสุขภาพมากกว่า แต่ในส่วนของRMF กับ LTF นั้นเป้าหมายสำคัญของผู้ที่ซื้อกองทุนทั้งสองประเภทนี้คือผลตอบแทนที่น่าจะมากพอควรโดย RMF เป็นกองทุนที่ลงทุนเป็นระยะเวลายาวนานกว่า LTF และมีเป้าหมายเพื่อให้ผลตอบแทนแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในช่วงเกษียณอายุซึ่งโดยมากมักจะไม่ได้ทำงานแล้ว และไม่มีรายได้ประจำ ส่วน LTF เน้นการลงทุนในระยะยาวเช่นเดียวกัน แต่ไม่นานมากเท่า RMF ผู้ถือหน่วยลงทุน LTF สามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้เมื่อถือมาครบ 5 ปีปฏิทิน โดยไม่ต้องเสีย Capital Gain Tax ซึ่งต่างกับ RMF ที่จะต้องถือไปจนอายุครบ 55 ปี โดยหน่วยลงทุนทั้งสองชนิดนี้ได้ Tax Shield จากการที่รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมให้ประชาชนลงทุนระยะยาว เพื่อให้มีความมั่นคงทางการเงินส่วนบุคคล ทั้ง RMF และ LTF นี้สามารถนำไปลดเงินได้ในการคำนวณภาษีได้ 15% ของเงินได้ทั้งปี แต่ทั้งนี้ไม่เกินประเภทละ 500,000 บาท

จะเห็นได้ว่าถ้าเรารู้จักใช้ช่องทางการบริหารภาษีแบบต่าง ๆ ให้เป็นประโยชน์แล้ว ก็จะทำให้เราสามารถทำผลตอบแทนการลงทุนเพิ่มขึ้นได้อีกมาก ดังนั้นเราจึงอยากจะขอให้เพื่อน ๆ พิจารณารูปแบบการบริหารภาษีที่เหมาะสม เพื่อช่วยสร้าง Portfolio ให้เติบโตอย่างแข็งแรงด้วยนะครับ

ทีนี้ถึงแม้ว่าเรากำลังพูดกันเรื่องการลงทุนในกองทุนประเภท RMF หรือ LTF ก็ตาม สิ่งสำคัญที่เราอยากจะย้ำไว้อีกทีก็คือว่ากองทุนมันก็คล้าย ๆ กับหุ้นนั่นแหละครับเพื่อน ๆ การเลือกกองทุนที่จะลงทุนย่อมต้องเลือกกองทุนที่มีโอกาสขาดทุนได้น้อยและมีโอกาสกำไรได้เยอะ ไม่ใช่ว่าพอเป็น RMF หรือ LTF ก็มองแต่ผลประโยชน์ทางด้านภาษี และละทิ้งหลักการสำคัญยิ่งทางการลงทุนไปว่าเรากำลังซื้ออะไร แล้วก็เป็นเจ้าของสินทรัพย์อะไรอยู่ เพื่อน ๆ ครับ อย่าสักแต่ว่าซื้อกองทุนนะครับ ขอให้เลือกกองทุนดี ๆ กองทุนที่ให้ผลตอบแทนที่เหมาะสม ในความเสี่ยงที่ไม่มากเกินไป กองทุนบางประเภทถ้ามองในแง่ผลตอบแทนในระยะประมาณ 3 ปี ถึง5 ปี แล้วเราคิดว่าไม่น่าซื้อเลย เช่น กองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ บางกองทุนลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศด้วยซึ่งจะพ่วงความเสี่ยงทางด้านค่าเงินมาให้พวกเราเป็นของแถม เข้าทำนองเสี่ยงมากได้น้อย พวกนี้เราไม่แนะนำ ส่วนบางกองทุนลงทุนในสินทรัพย์จำพวก Commodity ซึ่งมีโอกาสได้กำไรมาก แล้วก็มีโอกาสขาดทุนได้มากเช่นเดียวกัน เราคิดว่าตามแนวคิด “เงินต้นไม่ให้สูญ กำไรไม่ให้หาย” ที่เราใช้เป็นประจำแล้วเราก็ไม่แนะนำให้ซื้อเช่นเดียวกัน ถ้าจะว่าไปแล้วสำหรับ RMF หรือ LTF ก็ตามเราเองก็แนะนำให้เพื่อน ๆ ลงทุนในกองทุนที่นำเงินไปลงทุนในหุ้น ซึ่งแต่ละกองทุนก็จะมีนโยบายการลงทุนที่แตกต่างกัน ซึ่งถ้าเราอ่านเอกสารประกอบให้รอบคอบก่อนพิจารณาลงทุนแล้ว ข้อมูลที่บริษัทจัดการกองทุนรวมให้มาโดยมากก็จะมีความชัดเจนพอที่จะทำให้เรารู้ว่าการลงทุนของเรานั้นจะมีความเสี่ยงมากหรือน้อยขนาดไหน กองทุนบางกองลงทุนใน SET50 หรือ SET 100 ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากองทุนพวกนี้ผลตอบแทนน่าจะเป็นไปในทิศทางคล้าย ๆ กับ SET Index ส่วนบางกองทุนลงทุนใน MAI ซึ่งเราเองเชื่อว่าน่าจะมี Growth ดีกว่า และจากการที่เรามีส่วนลดการซื้อกองทุนเป็นจำนวนเงินเท่ากับภาษีเงินได้ที่ประหยัดได้นี้ เราคิดว่าโอกาสที่เราจะขาดทุนจากการซื้อกองทุนที่ลงทุนในหุ้นนั้นมีค่อนข้างน้อยครับ

ขอให้เพื่อน ๆ นักลงทุนผู้ชาญฉลาดเลือก RMF หรือ LTF ที่เหมาะสมกับตัวเองนะครับแล้วใช้มันเป็นเครื่องมืออีกชิ้นหนึ่งที่จะช่วยพาพวกเราเดินไปสู่อิสรภาพทางการเงินขอให้เพื่อน ๆ ของเราประสบความสำเร็จในการลงทุนครับ

#การลงทุนในหุ้น #ภาษี

สิ่งเล็กๆที่เรียกว่าหุ้น

Similar Posts