Sale Sale Sale!!!
Sale Sale Sale!!!
โดยปกติแล้วนะครับเพื่อน ๆ พวกเราส่วนมากเวลาจะซื้อของอะไรก็ตามถ้าไม่ได้รีบใช้เร่งด่วนมากมาย
ก็จะรอให้มีรายการ Promotion ลดราคากันมาก ๆ ก่อนค่อยซื้อใช่มั๊ย ? ดังนั้นเวลาเดินห้างสรรพสินค้าเนี่ย
เราก็จะคอยมองดูป้าย Sale โดยทั่วไป 30% ก็เริ่มจะมอง ๆ บ้างแล้ว ถ้าถึง 50% หรือ 70% ก็จะต้องเดิน
เข้าไปดูเลยแหละ แต่ไม่ใช่ดูแล้วซื้อเลยนะ เลือกแล้วเลือกอีกกว่าจะซื้อ บางทีดูแล้วก็ยังไม่ซื้อด้วยซ้ำไป แต่ว่ารองเท้าบางคู่ หรือกระเป๋าบางแบบ ถ้า Sale เมื่อไรก็จ้องจะซื้อเลยแหละ เพราะเป็นแบบที่ชอบ หรือว่าอยากได้มานานแล้วก็ตาม หุ้นมันก็เป็นแบบนี้เหมือนกันแหละครับ มันมีหุ้นแบบที่เป็นหุ้นทั่ว ๆ ไป แล้วก็แบบที่เป็นหุ้นที่เราอยากได้ ซึ่งหุ้นพวกนี้เนี่ย ถึงแม้ว่าเราจะอยากได้ แต่ก็จะยังไม่ซื้อใช่มั๊ย ? เพราะว่าบางทีมันแพงเกินไปบ้าง ยังไม่ใกล้ช่วงที่บริษัทจะจ่ายเงินปันผลบ้าง หรือว่าจะเพราะอะไรก็แล้วแต่ ก็ทำให้เรายังไม่ได้ซื้อ
ในกรณีแบบนี้ เราขอให้เพื่อน ๆ พิจารณาดูให้ดีนะครับ หุ้น กับสินค้าอื่น ๆ มันก็ควรจะเป็นไปใน
แนวทางเดียวกันแหละครับ คือ มันมี Value ของมันอยู่ ถ้าราคาของมันลดต่ำลงมามากเมื่อเทียบกับ Value ของมันแล้วล่ะก็แสดงว่ามันราคาไม่แพง และน่าซื้อ แต่ถ้าเป็นเวลาปกติ ราคามันก็มักจะเป็นราคาที่เหมาะสมแล้วหรือไม่ก็อาจจะแพงไปนิดหน่อย ซึ่งเมื่อลองคิดดูแล้ว มันก็ให้ผลตอบแทนได้พอสมควรกับราคาของมัน แต่ก็จะไม่ได้ให้ผลตอบแทนมากมาย ถ้าเทียบกับตอนที่เราซื้อได้ในราคาถูกผิดปกติ
เราว่าคำในภาษาอังกฤษที่ใช้ว่า Sell ซึ่งแปลว่าขาย กับ Sale ซึ่งแปลว่าลดราคานี่เป็นคำที่ให้ความหมายได้ดีนะครับ เพราะเมื่อลองคิดดูแล้ว Sell ก็คล้าย ๆ กับราคาหุ้นทั่ว ๆ ไปในภาวะปกติ ซึ่งก็น่าลงทุนพอสมควร แต่ว่า Sale นี่ก็หมายความว่า ราคาหุ้นของบริษัทเดิม ที่เคยราคาสูงกว่านี้มาก ได้ลดราคาลงมาแล้วตั้งมากมาย ซึ่งทำให้น่าลงทุนอย่างยิ่ง ดังนั้นถ้าเพื่อน ๆ ได้ลองมอง ๆ หุ้นตัวไหนไว้นานแล้วและยังไม่ได้ซื้อล่ะก็ตอนนี้แหละจะเป็นโอกาสที่ดีอย่างยิ่งที่จะได้มา Shopping หุ้นกันแหละ
แต่ที่เราแนะนำเพื่อน ๆ อย่างนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าหุ้นมันน่าซื้อไปซะหมดทุกตัวนะครับ หุ้นดี ๆ น่ะมันน่าซื้อ ยิ่งถ้าลดราคาลงมามาก ๆ ก็ยิ่งน่าซื้อขึ้นไปอีก แต่ว่าหุ้นบางตัว ถึงแม้ว่าราคาลงมาตั้ง 70% หรือ
มากกว่านั้นแล้ว ก็ยังไม่น่าซื้ออยู่ดี เพราะฉะนั้น เราจึงไม่ได้แนะนำให้เพื่อน ๆ ซื้อแหลก โดยละเลยการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของหุ้น ในภาวะแบบนี้ขอให้เพื่อน ๆ เลือกซื้อหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ฐานะการเงินมั่นคงและผลประกอบการโดดเด่น เราเชื่อว่าจะทำให้เพื่อน ๆ ได้รับผลตอบแทนอย่างคุ้มค่าในระยะเวลาประมาณ 1 ปีถึง 2 ปี นับจากนี้ครับ โดยการวิเคราะห์อาจให้น้ำหนักเรื่องเงินปันผลที่คาดว่าจะจ่ายจากผลการดำเนินงานสำหรับปีนี้มากหน่อย เพราะว่ามันเหมือนลดราคาแบบลดแล้วลดอีก คือเมื่อเราได้รับการลดราคาหุ้นจากการที่สภาพตลาดไม่ดี ราคาลงมามาก แล้วก็ยังมีเงินปันผลที่น่าจะได้รับซึ่งเหมือน Gift Voucher แถมมาอีก ทำให้ส่วนลด มันมากกว่าที่คิดไว้แต่แรก นี่ก็จะเป็นรางวัลเพิ่มเติมสำหรับนักลงทุนผู้กล้าหาญนะครับ
เรามีข้อสังเกตให้เพื่อน ๆ ดูอย่างนึงนะครับ คือ วิธีการร่อนหาหุ้นที่ดี ๆ ในภาวะแบบนี้เนี่ย อาจจะดูจาก
ข่าวการซื้อหุ้นคืนของบริษัทต่าง ๆ ก็ได้ครับ เมื่อเราเห็นข่าวว่าบริษัทไหนจะซื้อหุ้นคืนเราก็น่าจะลองไปดูว่าบริษัทนั้น ดีมากมั๊ย ราคาหุ้นถูกกว่าที่ควรจะเป็นหรือไม่ และผลตอบแทนการลงทุนที่คาดการณ์ได้จะเป็นอย่างไรถ้าสรุปได้ว่า บริษัทนั้นมีความเหมาะสมสำหรับการลงทุน ก็ซื้อลงทุนได้ครับ ที่เราแนะนำให้เพื่อน ๆ ดูข่าวการซื้อหุ้นคืนนี้ก็เนื่องจากว่า ในภาวะปกติ จะไม่ค่อยมีบริษัทที่จะเอาเงินมาซื้อหุ้นคืนกันมากนักหรอกครับ แล้วถึงจะมีบ้างก็ตามที ราคาหุ้นของบริษัทพวกนั้นจำนวนมากก็ไม่ได้ถูกมากมายอะไร แต่ในช่วงเวลาแบบนี้ ที่ SET Index ลดต่ำลงมาอย่างมาก ก็เป็นโอกาสดีที่พวกเราจะได้ซื้อหุ้นราคาถูก ซึ่งการที่บริษัทไหนมีเงินมาซื้อหุ้นคืนนั้น มันแสดงว่า บริษัทนั้นจะต้องมีสภาพคล่องเหลือมากพอสมควร ฐานะการเงินแข็งแกร่ง แล้วก็ไม่มีความจำเป็นต้องนำเงินส่วนที่เอามาซื้อหุ้นคืนนี้ไปลงทุนขยายกิจการ ดั้งนั้นจะทำให้เราเกือบจะไม่ต้องดู Balance Sheet เลย (คือยังต้อง Scan บ้างนะครับ ไม่ใช่เลิกดูเลย) แล้วมาเน้นดูที่ Income Statement มากกว่า รวมทั้ง Forecast เงินปันผลเป็นหลัก (ตรงนี้ขอย้ำว่า เงินปันผล นะครับ ไม่ใช่แค่กำไร) ก็จะได้หุ้นชั้นดีที่น่าลงทุนในภาวะแบบนี้ ที่ตลาดหุ้นบ้านเราเป็นตลาดหมีตัวใหญ่
ถนนสายการลงทุนนี่ก็แปลกนะครับ โดยมากแล้วภาวะตลาดที่เลวร้ายถึงขั้นเป็นวิกฤตกาลแบบนี้ จะ
เป็นหายนะสำหรับนักลงทุนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะมือสมัครเล่น แต่กลับกลายเป็นว่าเป็นโอกาสอันดีเยี่ยมสำหรับนักลงทุนอีกกลุ่มหนึ่ง ที่มุ่งมั่นในแนวทางการลงทุนที่ถูกต้อง ไขว่คว้าหาโอกาส และกล้าหาญ ซึ่งต่อไปนักลงทุนกลุ่มนี้แหละจะทำกำไรมหาศาล แล้วก็จะกลายเป็นนักลงทุนมืออาชีพที่ไม่หวั่นไหวต่อสถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อน ๆครับ ทางเลือกนี้เป็นของพวกเราที่จะเลือกเดินได้เอง ว่าเราจะเป็นปลาที่ว่ายทวนน้ำเพื่อเป็นคนกลุ่มน้อยที่ประสบความสำเร็จ หรือจะเป็นคนกลุ่มใหญ่ที่ทำตัวเป็นปลาว่ายตามน้ำรอคอยให้โชคชะตาตัดสินความสำเร็จในชีวิตสำหรับเรา เราเลือกที่จะสู้กับกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากคราวนี้ ด้วยหัวสมอง และสองมือที่เรามีนี้อย่างแน่นอนครับ
Shopping กันให้สนุกนะครับ ขอให้เพื่อน ๆ ได้หุ้นดี ๆ ติด Portfolio กันทั่วหน้าครับ