นักลงทุน อาชีพที่น่าสงสาร

นักลงทุน อาชีพที่น่าสงสาร

ช่วงนี้ไปไหนมาไหนก็จะเห็นคนเริ่มต้นเข้าสู่ตลาดหุ้นกันเยอะมากๆ ส่วนนึงก็เป็นเพราะคนเริ่มเรียนรู้และเข้าใจการลงทุนมากขึ้นทำให้ลดความกลัวและคุ้นเคยกับการลงทุนมากขึ้นและอีกส่วนนึงก็เป็นในเรื่องของการสร้างรายได้อย่างดีจากนักลงทุนที่เข้ามาทำกำไรได้อย่างมากมายในตลาดหลักทรัพย์ และหลายๆคนก็อยากที่จะลาออกมาจากงานประจำเพื่อมานั่งเทรดหุ้น ซื้อขายหุ้น เรียกว่าได้ ลาออกมาเล่นหุ้นกันแทนงานประจำหรือธุรกิจส่วนตัวกันอยู่เยอะ

การเป็นนักลงทุนนั้นจริงๆแล้วหากจะทำเป็นอาชีพจริงๆก็ไม่แปลกนะครับ มันก็เหมือนกับอาชีพอื่นๆที่เราต้องทุ่มเทเวลาทำงานอย่างหนัก นักลงทุนต้องคอยติดตามข่าวสาร เปิดหูเปิดตาอยู่ตลอด และคิดวิเคราะห์ข้อมูลการลงทุนให้สม่ำเสมอ เพื่อให้เราเข้าใจตลาดและสามารถมีข้อมูลที่ดีในการตัดสินใจการลงทุน

ข้อดีของการเป็นนักลงทุนเต็มเวลาคือ เรื่องของเวลา เราไม่จำเป็นต้องทำงาน  8 -17.00 เหมือนตอนทำงานประจำ ไม่ต้องยุ่งวุ่นวายปวดหัวกับใคร แล้วก็สามารถทำงานอย่างอื่นไปพร้อมกับการลงทุนได้ สามารถใช้ชีวิตได้เต็มที่มีเวลาให้กับครอบครัวได้เต็มที่ โดยไม่มีพันธนาการใดๆเลย เราสามารถลงทุนที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมีออฟฟิต เพียงแค่มีคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ อิตเตอร์เน็ต หนังสือ หรือหนังสือพิมพ์ แค่นั้นเราก็สามารถติดตามการลงทุนได้ทั่วทุกมุมของโลก

ฟังดูดีใช่มั้ยละครับ แล้วข้อเสียละ?
อย่างแรกเลย เราไม่มีเงินเดือนแล้ว หากหุ้นที่เราลงทุนไปนั้นไม่ให้ผลตอบแทนแบบที่เราเคยได้ อาจจะกระทบต่อความมั่นคงทางการเงินในแต่ละเดือนและทำให้เกิดความเครียดได้ หรือบางครั้งหากคนที่อาศัยการเทรดเอาเป็นประจำ อาจช่วงไหนเทรดไม่ได้กำไรเท่าที่เคยได้ช่วงตลาดบูมๆคุณอาจจะเครียดนอนไม่หลับและยิ่งกดดันให้คุณเสี่ยงมากขึ้นเพื่อต้องการผลตอบแทนที่มากขึ้นตาม

อย่างที่ 2 มีเวลาแล้วยังไง? ก็ไม่ได้ง่ายนะครับที่จะจัดการตัวเองให้เป็นคนที่มีวินัยในการใช้ชีวิต มีเวลาแล้วก็ใช่ว่าเราจะนอนตื่นสายๆ หรือทำอะไรก็ได้ เพราะนอกจากเราจะไม่มีระเบียบแล้ว ระบบร่างกายเรายังเพี้ยนอีกด้วย สุดท้ายเราก็ต้องบริหารเวลาให้ดี ให้เหมาะสมกับการลงทุนของเรา ยิ่งเฉพาะเราเป็นคนที่ชอบเทรดแล้ว เราก็ต้องตื่นแล้วก็นั่งอยู่หน้าคอมตามเวลาเปิดปิดตลาด

อย่างที่ 3 ไม่มีเงินเดือน กลายเป็นคนไม่มีเครดิต จะกู้บ้านจะทำบัตรเครดิตก็ทำไม่ได้ ถึงทำได้ก็ทำยากมาก จะเดินทางไปไหนขอสลิปเงินเดือนเพื่อขอ visa ก็ทำได้ยากเย็นแสนเข็ญกว่าตอนมีสลิปอีกเยอะ เพราะว่าตอนทำงานประจำนั้นการมีหลักฐานการเงินที่ชัดเจนมันช่วยให้ ธนาคารหรือสถานทูตไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องฐานะการเงินเท่าไร (ถึงแม้ตอนที่เราลาออกจากงานมาเพื่อลงทุนเพียงอย่างเดียวนั้นการเงินเราอาจจะดีกว่าตอนทำงานเยอะก็ตาม)

อย่างที่ 4 ไม่มีอาชีพ อาชีพนักลงทุนคนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจ บอกออกไปเหมือนคนไม่มีหลักแหล่ง ไม่มีอนาคต ไปบอกใครต่อใครว่าเราเป็นนักลงทุนอาชีพ ก็จะไม่มีใครเข้าใจเท่าไร โดยเฉพาะกับคนที่ไม่ได้ลงทุนในหุ้นก็จะมองเราแปลกๆ เราจะกลายเป็นคนไม่มีอนาคตไปทันที (ยิ่งหากเรากำลังจะแต่งงานด้วยและไปขอสาวแต่งงาน เจอพ่อตาแม่ยายมาถาม เค้าก็อาจจะอึ้งๆไปได้ 55)

อย่างที่ 5 ไม่มีเพื่อนทำงาน ไม่มีสังคม ไม่มีตำแหน่งในสังคมเท่าไร คือว่าพอลาออกมาแล้ว เราก็ใช้ชีวิตแบบอิสระ ไม่ต้องเข้าออฟฟิตเจอผู้คน ไม่ต้องเดินทางมากมายเหมือนตอนทำงาน เพื่อนอาจจะหายไปเยอะ และสำคัญ ไม่มีตำแหน่งนะครับ ไม่มีหัวหน้านักลงทุนมืออาชีพ ไม่มีผู้อำนวยการนักลงทุนมืออาชีพนะครับ ทุกคนเป็นได้เท่านั้นแหล่ะครับ สำหรับบางคนอาจจะเป็นผู้บริหารมาหลายปี อาจจะไม่รู้สึกคุ้นเคยได้

อย่างที่ 6 นอกจากนี้ด้วยการที่ไม่ได้ทำงานประจำแล้ว ก็จะไม่มีแม่บ้านคอยมาดูแลทำความสะอาดโต้ะทำงาน คอนเสริฟกาแฟ ชงกาแฟให้ ล้างแก้ว ล้างจานให้ แต่เป็นคุณนั่นแหล่ะที่ต้องทำเอง ทำเองทุกอย่างครับ เผลอๆ ต้องทำให้คนอื่นด้วยรวมถึงหน้าที่ในบ้านต่างๆคุณเองต้องเป็นคนทำทั้งหมด ไม่ใช่เพราะเป็นหน้าที่ของนักลงทุนหรอกครับ แต่เป็นเพราะว่าคุณมีเวลาแล้วคนอื่นไม่มี ดังนั้นคุณว่างนิ คุณก็ต้องทำ

มาถึงตรงนี้แล้วยังมองอาชีพนักลงทุนดีอยู่รึเปล่าครับ 55 แต่ใครตัดสินใจอย่างไรก็ขอให้ประสบความสำเร็จในทางที่เลือกนะครับ แต่หากว่าต้องการเรียนรู้เพื่อเพิ่มเติมความรู้ความสามารถในการลงทุน ทางสิ่งเล็กๆที่เรียกว่าหุ้นมีคอร์สอบรมดีๆเพื่อนักลงทุนทุกท่านให้ได้เรียนรู้กันครับ ซึ่งคอร์สลงทุนนี้จะช่วยให้นักลงทุนทุกท่านสามารถลงทุนได้อย่างประสบความสำเร็จ และสามารถเลือกหุ้นดีๆเข้าพอร์ตเพื่อให้พอร์ตเราเติบโตเฉลี่ย 20% ทุกๆปีครับ สนใจรายละเอียดสามารถเข้าไปดูได้ที่ www.thaistockfocus.com ครับ

สิ่งเล็กๆที่เรียกว่าหุ้น

#การลงทุนในหุ้น #นักลงทุน #ลาออกมาเล่นหุ้น

Similar Posts