วางแผนดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
วางแผนดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
ในชีวิตการเป็นนักลงทุนเท่าที่ผ่าน ๆ มานั้น ก่อนที่จะซื้อหุ้น เพื่อน ๆ ได้เคยวางแผนกันไว้หรือเปล่าครับ ว่าหุ้นที่เพื่อน ๆ จะซื้อ มีเหตุผลอะไรที่จะซื้อ แล้วคาดหวังผลตอบแทนเท่าไร ถือไว้นานแค่ไหน แล้วจะทำให้เพื่อน ๆ กำไรได้มากเท่าไร เราว่าคำถามพวกนี้เป็นคำถามที่สำคัญซึ่งควรจะตอบให้ได้ก่อนจะซื้อหุ้นนะครับ
โดยทั่วไปแล้ว สำหรับเราเอง เรามักจะกำหนดเป้าหมายผลตอบแทนการลงทุนในแต่ละปี สำหรับPortfolio โดยรวมไว้ที่ 50% เป็นอย่างต่ำ แล้วผลตอบแทนคาดหวังจริง ๆ ไม่ต่ำกว่าปีละ 1 เท่าตัวหรือ100% นะครับ ซึ่งการกำหนดเป้าหมายในลักษณะนี้ จะนำไปสู่การวางแนวทางในการลงทุนในระดับที่ละเอียดขึ้นไปอีก ว่าหุ้นตัวไหนที่ซื้อไว้ น่าจะทำกำไรได้ประมาณเท่าไร ในระยะเวลานานแค่ไหน ตัวอย่าง เช่น ถ้ามีหุ้นที่เราคาดว่าจะทำกำไรได้ 30% เราก็ควรจะต้องกำไรหุ้นตัวนั้น 30% ในระยะเวลาประมาณ 3 เดือน เพื่อที่ว่าถ้าหาหุ้นที่ทำผลตอบแทนได้เท่านี้ ทุก ๆ Quarter ก็จะทำให้เราทำกำไรได้เกินกว่า 1 เท่าตัวใน 1 ปี ซึ่งบรรลุเป้าหมายสำหรับปีที่เราตั้งไว้ และถ้ามีความเชื่อมั่นในระดับที่สูงพอ ก็สามารถซื้อหุ้นตัวนั้นได้ด้วยเงินทั้งหมดที่มีเลยทีเดียว แบบนี้ก็จะไม่ต้องหาหุ้นซื้อปีนึงหลายตัวนัก แต่ลงทุนหนัก ๆ เป็นตัว ๆ ไป
ในขณะที่เพื่อน ๆ บางคนอาจจะต้องการลงทุนในหุ้นที่ให้เงินปันผล และหวังจะได้รับผลตอบแทนในรูปของเงินปันผลที่บริษัทจะจ่ายให้จากผลประกอบการในแต่ละปี อาจจะกำหนดว่าผลตอบแทนโดยรวมของ Portfolio น่าจะได้ซัก 30% ต่อปี ถ้าในกรณีนี้ เพื่อน ๆ ก็จะต้องไปดูว่าบริษัทไหนมีผลประกอบการกำไรมาก ๆ และจ่ายเงินปันผลในอัตราสูง แล้วถ้าพบบริษัทที่น่าจะจ่ายเงินปันผลในอัตราประมาณ 5% ของราคาหุ้นแบบนี้ก็อาจจะซื้อเอาไว้ แล้วถ้าราคาหุ้นขึ้นไปซัก 10% ก็ขายออกไป เพราะว่าได้ผลตอบแทนมากกว่าปันผลที่คาดว่าจะได้รับแล้ว แล้วก็เอาเงินไปซื้อหุ้นตัวอื่นต่อไป ซึ่งแบบนี้ถ้าทำได้ปีละ 3 ครั้ง ก็จะได้ผลตอบแทนมากเกินกว่า 30% ที่คาดไว้แล้ว แต่ถ้าในกรณีที่หุ้นไม่ขึ้น ก็ถือรอรับเงินปันผล แล้วหลังจากวัน XD ถ้าหุ้นตัวนั้นมันขึ้นมาเกินกว่าราคาที่ได้ซื้อไว้ก็ขายออกไปได้ แล้วเอาเงินไปลงทุนในหุ้นตัวอื่นต่อไป แบบนี้ต้องทำได้ซัก 6 ครั้งใน 1 ปี ก็จะได้ผลตอบแทนมากกว่า 30% ซึ่งถือว่าทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้แต่แรก
ดังนั้นเราจึงขอแนะนำเพื่อน ๆ ว่า ควรจะทำ Master Plan สำหรับการลงทุนของตัวเองไว้ด้วย อาจเป็นรอบระยะเวลา 1 ปี หรือนานกว่านั้นก็ได้ แล้วประเมินผลงานการลงทุนของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ เพื่อที่จะได้แก้ไขปรับปรุงส่วนที่ผิดพลาด และสร้างเสริมความสามารถส่วนที่ทำได้ดีอยู่แล้วให้สูงยิ่งขึ้นต่อไป ถ้าทำได้ตามแผนในปีแรก แล้วเห็นโอกาสในการทำกำไรให้ได้มากขึ้นในปีต่อ ๆ ไป โดยที่ความเสี่ยงไม่มาก ก็สามารถปรับเป้าหมาย ผลตอบแทนต่อปีได้ เราแนะนำว่าให้เพื่อน ๆ ศึกษาให้มีความรู้อย่างถ่องแท้ในตราสารทุนหลากหลายประเภท ทั้งนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Warrant ด้วยแล้ว อย่าได้ไปกลัวมัน บางครั้งมันก็เป็นการลงทุนที่ปลอดภัยและทำกำไรได้อย่างดีเยี่ยมทีเดียว มันขึ้นอยู่กับความรู้ความสามารถของนักลงทุนอย่างพวกเราว่าจะลงทุนแบบไหนในตราสารอะไรบ้าง ไม่มีสูตรสำเร็จสำหรับความเสี่ยงและผลตอบแทนที่จะได้รับหรอกครับ ข้อมูลที่ถูกต้องความรอบคอบระมัดระวัง และ การวิเคราะห์ถึงอนาคตที่น่าจะเป็นไปได้ จะทำให้เรารับความเสี่ยงน้อย และผลตอบแทนมาก ขอให้เพื่อน ๆ ฝึกฝนตัวเองให้เก่งขึ้นต่อไปเรื่อย ๆ นะครับ แล้วความสำเร็จจะมาหาเองครับ
สำหรับเราแล้วโดยมากเรามักจะปรับเป้าหมายกำไรในแต่ละปีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ครับ ตามเวลาที่ผ่านไปและตามผลการดำเนินงานของบริษัทที่ได้รายงานออกมาทุก ๆ ไตรมาส เนื่องจากบ่อยครั้งที่เราได้ทำประมาณการกำไรของบริษัทไว้แบบ Conservative ทำให้เมื่อผลประกอบการจริงประกาศออกมาเราต้องปรับราคาเป้าหมายของเราขึ้น และส่งผลต่อการปรับเป้าผลตอบแทนโดยรวมของ Portfolio ของเราด้วย แล้วเนื่องจากโดยปกติเราจะถือหุ้นน้อยตัว โดยมากไม่เกิน 3 ตัว แต่บางทีก็ตัวเดียวหรือ 2 ตัวเท่านั้น ทำให้เวลามีการปรับราคาเป้าหมายของหุ้นเพิ่มขึ้นเราก็ปรับเป้าผลตอบแทนของเราขึ้นด้วยในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งก็เป็นวิธีหนึ่งที่เราแนะนำให้เพื่อน ๆ ทำด้วยเช่นเดียวกัน การลงทุนในหุ้นจำนวนน้อยตัว ทำให้เรามีเวลาศึกษาข้อมูล และติดตามการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยที่อาจจะมีผลกระทบต่อกิจการของเราได้มาก ซึ่งช่วยลดความเสี่ยง และเพิ่มผลตอบแทนของเราให้มากขึ้นได้เป็นอย่างดี
เพื่อน ๆ ครับ เรื่อง Skill การลงทุนส่วนบุคคลนั้น ไม่มีปริญญา ไม่มีประกาศนียบัตร ไม่มีใบรับรองใด ๆ ที่จะมายืนยันความสามารถของเราหรอกครับ มีแต่สนามจริงเท่านั้น ที่จะให้ผลตอบแทนกับเรา เราต้องสู้กับตัวเอง ความมั่งคั่งของเราเอง สินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นของเรา จะเป็นเครื่องยืนยันว่าเราเก่งขึ้นแล้ว และเหตุผลของเราในการเลือกลงทุนในหุ้นแต่ละตัว กับผลสำเร็จจากการปฏิบัติตาม Master Plan ของเราจะแสดงออกมา ให้เราได้รับรู้ด้วยตัวเอง ถ้าเรารวยขึ้น ถ้าเงินของเราทำงานให้เราได้มากขึ้น แล้วถ้าเราเสี่ยงน้อยลง ตัวเราเองก็จะสุขสบายขึ้น ซึ่งนี่เองเป็นผลลัพธ์ที่มีแต่เราเท่านั้นที่รับรู้ และไม่ต้องมีการรับรองหรือยืนยันด้วยสิ่งอื่นใดเลยครับ
เราก็คงต้องขอจบเรื่อง Plan แต่เพียงเท่านี้ ขอให้เพื่อน ๆ ทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ขอความมั่งคั่งจงบังเกิดแก่เพื่อน ๆ ที่รักษาเงินลงทุนของตนเองไว้ให้ปลอดภัย แล้วก็ขอให้เพื่อน ๆ เก่งขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งบรรลุสู่อิสรภาพทางการเงินได้
สิ่งเล็กๆที่เรียกว่าหุ้น
#การลงทุนในหุ้น #หุ้น #วางแผนการลงทุน
———————————–
ทางเพจมีทำ group ขึ้นมาเพื่อร่วมพูดคุยหรือแสดงทัศนะต่างๆเกี่ยวกับการลงทุน สามารถเข้าร่วม join มาคุยกันเรื่องการลงทุนได้ครับ หรือมีคำถามอะไรก็สามารถตั้งคำถามไว้ได้ เพื่อนๆในกรุ้ปหลายๆท่านก็ยินดีแบ่งปันความรู้กันครับ
https://www.facebook.com/groups/thaistockfocus/