คลีนิคการเงิน EP1 (หุ้น กองทุน การออมเงิน การวางแผนการเงิน)
คลีนิคการเงิน EP1 (หุ้น กองทุน การออมเงิน การวางแผนการเงิน)
ผมสังเกตุมาหลายอาทิตย์แล้ว ตั้งแต่ลงบทความเกี่ยวกับการเงินไปก็จะมีคนส่งคำถามมาถามเกี่ยวกับเรื่องการเงินกับการบริหารเงินกันเยอะมาก จะเยอะสุดกันช่วงวันไหนรู้มั้ยครับ? จะมาช่วงเสาร์อาทิตย์เยอะมาก ผมก็เลยนั่งคิดเล่นๆว่า ทำไมนะ ทำไมถึงเป็นวันเสาร์อาทิตย์กัน เลยได้คำตอบเล่นๆแต่ไม่รู้ว่าถูกหรือผิดนะครับว่า …
1. ว่าง ไม่ได้ทำงาน เลยมีเวลาอ่านบทความเลยสนใจอยากถาม
2. มีเวลามานั่งคิดถึงชีวิตตัวเองในวันหยุด
3. ไม่อยากทำงาน พอวันอาทิตย์แล้ว ต้องไปทำงานอีกทีวันจันทร์ อยากหาไรทำ อยากหาธุรกิจทำ!!!!
55 ไม่รู้ว่าจะเป็นข้อไหน หรืออาจจะไม่ใช่เลยก็ได้ กลับเข้าเรื่องมากันต่อคือว่า หลังไมค์จะมีคนถามเยอะ และผมคิดว่าน่าสนใจเลยเอาเรื่องที่ถามมาเล่าต่อกันฟัง
· เป็น ผญ ทำงานประจำ ตำแหน่งวิศวกร อายุ 38 ปี กับบริษัทเอกชนบริษัทหนึ่ง รายได้40,000 – 50,000 บาท ขึ้นอยู่กับโอทีของแต่ละเดือนแต่โดยปกติก็ประมาณนี้ ทำงานจันทร์ – เสาร์
· ไม่มีรายได้อื่นพิเศษ นอกจากโอที
· โบนัสปีละ 1-2 เดือน
· ผ่อนรถ 1 คัน ผ่อนไปแล้ว 2 ปี เหลืออีก 2 ปี ยอดประมาณ 400,000 บาท ผ่อนเดือนละ หมื่นกว่าบาท (สามารถขึ้นรถไฟฟ้าไปทำงานได้)
· ผ่อนคอนโดเดือนละอีก 8,000 บาท (ไม่ค่อยได้อยู่ ยังใช้บ้านเดิมที่อยู่กับพ่อแม่ เพราะใกล้กับที่ทำงานมากกว่า)
· ใช้จ่ายส่วนตัวอีก ประมาณ 10,000 บาท
· ที่เหลือจะให้พ่อแม่ อีกประมาณ 10,000 บาท
· ไม่มีเงินเก็บ
· อยากจะมีเงินลงทุนทำอย่างไรดี อยากจะเล่นหุ้นกับเค้าบ้าง ไม่ก็อยากจะลงทุนในกองทุนรวมด้วย
ผมรวบเคสคล้ายๆกันแบบนี้มาตอบทีเดียวเลยละกันครับ จริงๆแล้วเคสนี้ไม่ยากเท่าไร เพราะว่ารายได้ถือว่าดี และโจทย์ไม่ยากเกินไป ผมเลยเพิ่มเติมให้หน่อยว่า เงินที่ลงทุนนั้นอยากได้ผลตอบแทนเท่าไร และจะลงทุนไปเพื่ออะไร สรุปคำตอบคือว่าอยากเก็บไว้เกษียณ ดังนั้น เงินที่ลงทุนจึงเป็นจุดที่นำไปใช้ตอนเกษียณตอนอายุ 65 ปี ซึ่งกะว่าจะใช้จ่ายประมาณเดือนละ 30,000 บาทหรือหากใช้จนถึงอายุ 80 ปีก็จำเป็นต้องมีเงิน 5.5 ล้านบาท และมีเวลาเก็บเงินประมาณ เกือบๆ 30 ปี
จุดที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้
· รถยนต์ซื้อมาแล้ว และยังไม่พร้อมขายถึงแม้จะนั่งรถไฟฟ้าได้
· ค่าใช้จ่ายส่วนตัวลดได้กว่านี้ไม่มาก
· เงินให้พ่อแม่ไม่ต้องการให้ลดลงกว่านี้
ดังนั้นนอนจากเงินโอทีที่จะได้เพิ่มมาแล้ว จะมีอีกก้อนนึงที่สามารถนำมาออมได้ โดยกลยุทธ์ตามนี้ครับ
1. คอนโดที่ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไร ให้หาทางหาคนเช่า ซึ่งเจ้าตัวเห็นด้วย เพราะหากได้เงินค่าเช่าประมาณ 10,000 บาท หักค่าซ่อมแซมและค่าส่วนกลางแล้ว สามารถนำไปหักลบกับค่าผ่อนอีก 8,000 บาทได้อย่างสบาย เท่ากับว่าได้เงินเปล่ามา 8,000 บาท (ไม่ต้องผ่อนเองแล้ว
2. แบ่งส่วน 3,000 บาท ออมในกองทุนระยะสั้น หรือฝากธนาคาร เพื่อเงินก้อนนี้เป็นก้อนที่สามารถนำมาใช้ฉุกเฉิน หรือ จะนำไปซื้อของต่างๆได้ แต่ให้เก็บให้พอสำหรับฉุกเฉิน ซัก 6-12 เดือนก่อนดีกว่า ในกรณีนี้ทางเจ้าตัวใช้ประมาณ 30,000 – 35,000 บาทต่อเดือน ดังนั้นเก็บเงินไว้ให้ได้ซัก 180,000 – 210,000 บาท ไว้สำหรับฉุกเฉิน เกินจากนั้นเก็บไปซื้อของที่อยากได้แล้ว
3. เงิน 5,000 บาทนั้น เก็บไว้ลงทุนระยะยาวอย่างเดียวนั้น หากลงทุนในหุ้นนั้น ควรจะได้ผลตอบแทนประมาณ 10% เนื่องจากค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์นั้นมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 12% ดังนั้นควรจะไม่น้อยกว่าตลาด ในกรณีนี้เบื้องต้นต้องการจะลงทุนในกองทุนก่อน ดังนั้นด้วยเวลาประมาณ 27 ปีจากเงินเพียงเดือนละ 5,000 จะกลายเป็น 7.6 ล้านบาท และหากออมได้ถึง 30 ปี จะกลายเป็น 10.4 ล้านบาท!!!! โดยที่เงินเก็บจะอยู่ประมาณ 1.8 ล้านบาทเท่านั้นเองที่เหลือเป็นพลังของดอกเบี้ยทบต้น
4. การลงทุนนี้จะต้องไม่นำเงินออกมา ได้เงินปันผลก็จะต้องเติมกลับเข้าไป เรียกได้ว่าเป็นเงินเย็นๆสุดๆ ที่ออมเงินไว้ตลอดจนเกษียณนั้น จะได้มากกว่าที่คิดไว้ด้วย (เผื่อไว้สำหรับเงินเฟ้อในอนาคต)
จริงๆยังมีเครื่องมือการเงินอีกเยอะเลยครับ แล้วก็ยังมีเคสที่น่าสนใจอีกเยอะมากมายแต่วันนี้เอาแค่นี้ก่อน ส่วนใครสนใจอยากสอบถามอยากส่งเคสตัวเองเข้ามาก็ส่งมาได้นะครับที่ 0891032176 หรือจะส่งเมลมาที่ thai.stock.focus@gmail.com ครับ
#วางแผนการเงิน #ออมเงิน #ลงทุน #หุ้น #กองทุน