เริ่มต้นการลงทุน ตอนที่1 เข้าใจตลาดและหุ้นเบื้องต้น
เริ่มต้นการลงทุน ตอนที่1 เข้าใจตลาดและหุ้นเบื้องต้น
ช่วงนี้ก็มีคำถามเข้ามามากมายเกี่ยวกับการเริ่มต้นลงทุน ว่า การเริ่มต้นการลงทุนนั้นต้องทำอย่างไรบ้าง ต้องเตรียมพร้อมอย่างไรกัน อะไรควรรู้บ้าง
1. ขั้นแรกเลยควรจะต้องเข้าใจตัวเองและเป้าหมายก่อน เข้าใจตัวเองก็คือว่า การลงทุนนั้นแต่ละอย่างมีความเสี่ยงอย่างไรบ้าง หุ้นก็มีความเสี่ยงแบบนึง กองทุนก็มีความเสี่ยง พันธบัตรก็มีความเสี่ยงแบบนึง เงินฝากก็มีความเสี่ยงอีกแบบนึง และต้องเอามาดูกันว่าเรารับความเสี่ยงตรงไหนได้มากน้อยเท่าไร จะลองหาแบบทดสอบมาทดสอบก็ได้ครับสำหรับเรื่องความเสี่ยง แต่หากไม่ต้องการทำแบบทดสอบแบบนั้นก็ลองถามตัวคุณเองดูว่าเงินก้อนนี้ หากเอาไปลงทุนแล้วต้องขาดทุน 50% คุณจะรับมือกับมันอย่างไร และหากต้องขาดทุนเป็นช่วงเวลาๆหนึ่ง 3 ปี 5 ปี คุณจะรับไหวมั้ย คุณจะเครียด คุณจะมีความต้องการใช้เงินก้อนนี้มากน้อยแค่ไหน หากคำตอบคือว่าไม่ค่อยได้และต้องรีบใช้เงิน ลองถามตัวเองอีกครั้งนะครับว่าตลาดหุ้นที่มีความผันผวนของเรื่องราคาตลอดแม้แต่หุ้นที่ดีที่สุดก็ยังมีช่วงเวลาที่ราคาลงมากๆ และคุณต้องทนเห็นตัวเลขแดงๆแบบนั้นเป็นเดือนๆปีๆ ถ้ายังไหวก็ค่อยลุยต่อ
2. เป้าหมาย หากแค่ต้องการผลตอบแทนมากที่สุดก็จะเป็นการตั้งเป้าหมายที่ลอยๆไปหน่อย การตั้งเป้าหมายนั้น จะเป็นตัวกำหนดแนวทางการลงทุนของเราได้ การตั้งเป้าหมายที่เกินความเป็นจริงแค่ช่วยให้เราฝันหวานไปเล่นๆและยังทำให้กระบวนท่าเราเสียไปด้วย เพราะเมื่อคุณตั้งเป้าหมายที่สูงๆไว้ คุณก็จะพยายามหาทางที่จะให้ได้กำไรสูงๆ บางครั้งก็เจอหุ้นผีบอก หุ้นที่คนนี้คนนั้นบอกมาว่ากำไรแน่นอน สิบเด้ง ร้อยเด้ง คุณก็จะรีบไปซื้อมา เพราะมันสอดคล้องกับเป้าหมายคุณ และคุณอาจจะกำไรหรือไม่กำไรก็ได้ หรืออีกแง่ก็ตั้งเป้าหมายไว้ต่ำเกิน เช่น ขอแค่เสมอตัว ขอแค่ 2% 5% ซึ่งหากคุณแค่ไม่ต้องการขาดทุนหรือเท่าทุน คุณแค่กำเงินไว้เฉยๆก็ทำได้แล้วไม่จำเป็นต้องมาลงทุนในตลาดหุ้นให้ปวดหัวเลย หรือว่าต้องการ 4-5% หุ้นกู้ต่างๆจากบริษัทดังๆ ก็สามารถให้เรทที่ใกล้เคียงกับที่ว่ามาแล้ว หรือแม้แต่ 7-8% ก็สามารถหาได้จากกองทุนอสังหาต่างๆที่ซื้อขายในตลาดและมีความผันผวนของราคาน้อยกว่าหุ้น (แต่ก็ยังมี) ดังนั้นการตั้งเป้าหมายที่ดี คุณรู้ว่าต้องการผลตอบแทนที่กี่%ก็จะกำหนดแนวทางการลงทุนของคุณได้
3. หลักการเบื้องต้นก่อนว่า หุ้นนั้นคือธุรกิจ ธุรกิจที่ทำจริงดำเนินธุรกิจจริงๆ มีคนทำงานกันจริงๆ ไม่ใช่แค่เป็นตัวหนังสือมีตัวเลขบวกลบวิ่งไปมา ในทุกๆปีมีการค้าขาย มีขาดทุนมีกำไร ดังนั้นเราควรเข้าใจว่าธุรกิจนั้นๆทำอะไร มีลักษณะโมเดลธุรกิจเป็นแบบไหน มีสินค้าอะไรบ้าง คู่แข่งเป็นยังไง รายได้ได้จากอะไรบ้าง รายจ่ายจากอะไรบ้าง มีปัจจัยอะไรบ้างที่จะกระทบตัวธุรกิจ แล้วแนวโน้มอนาคตเป็นอย่างไร สิ่งต่างๆเหล่านี้ไม่ต่างกับการที่เราไปหุ้นกับเพื่อนเปิดร้านกาแฟด้วยกันเลย คุณจะลงเงินเท่าไรไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือลงไปกับอะไร และเงินของคุณไปอยู่กับใครไปอยู่ในธุรกิจไหน เราในฐานะนักลงทุนหรือเจ้าของนั้นเราจำเป็นต้องรักเงินลงทุนของเรามากๆ เคยคิดมั้ยครับว่าบางทีเราจะซื้อของไม่กี่ร้อยบาท เราต่อแล้วต่ออีก ถามคนรอบข้าง 108 กว่าจะตัดสินใจซื้อของได้อย่างนึง แต่กลับหุ้น ซื้อเลย ทีนึงเป็นแสนเป็นล้าน ไม่ยอมแม้แต่หาข้อมูลหรือศึกษาเลยว่า เราเสียเงินไปกับอะไร แล้วจะได้เงินกลับมามั้ย
4. ตลาดหุ้นเปิด 5 วันต่ออาทิตย์ ราคาถึงจะขึ้นไปมันก็ลงได้ ราคาลงๆเดี๋ยวก็ขึ้นได้ ไม่มีหุ้นไหนที่ราคาขึ้นไปตลอด และไม่มีหุ้นไหนที่ลงไปตลอดกาล (ยกเว้นธุรกิจนั้นเจ๊ง อันนั้นเหลือ 0 เลย ถ้าคุณมีหุ้นที่เป็นแบบนี้ ก็ไปขอใบหุ้นมาแปะข้างฝาไว้เตือนใจได้เลย) นอกจากนี้หุ้นมีหลายตัว 5-600 ตัว ให้เลือกกันให้สนุกไปเลย ตัวนี้เข้าไม่ทัน ก็รอ หรือไม่ก็ไปดูตัวอื่นได้ นอกจากนี้ ราคาหุ้นยังสัมพันธ์กับกำไรด้วย ทั้งกำไรปัจจุบันและกำไรอนาคต ถึงแม้จะไม่ได้เป้ะๆ แต่หากกำไรมีแนวโน้มดี ราคาก็ย่อมดีตามไปด้วย ยกเว้นตลาดบางช่วงที่ไม่เป็นใจ หุ้นดีๆ กำไรดีๆ ก็อาจจะลงได้ ดังนั้นการลงทุนเป็นเรื่องของระยะยาว ไม่ใช่ 1 เดือน 3 เดือน บางทีอาจเป็นปีๆ ดังนั้นมองไกลๆ ซัก 5 ปี 10 ปี
5. ราคาหุ้นเป็นกลไกตลาดที่แสดงออกถึง supply และ demand หุ้นดีๆ หรือมีข่าวดีๆ อนาคตดีๆ คนก็แย่งกันซื้อ จำนวนหุ้นเท่าเดิม ก็ขายกันแพงขึ้น หุ้นก็ขึ้น หุ้นไม่ดี อนาคตไม่ดี ข่าวไม่ดี คนไม่อยากได้ ก็ยอมขายราคาที่ถูก ก็แย่งกันขายออกมา ดังนั้น สิ่งแรกที่ควรทำคือ แยกหุ้นดีออกจากหุ้นไม่ดีซะ เมื่อแยกได้ ค่อยมาคิดว่าจะซื้อหรือจะขายดี
6. เรียนรู้ให้เยอะๆ อ่านหนังสือ ไปสัมมนาเข้าอบรมเยอะๆ และพยายามหาแก่นมันให้เจอ ว่าการลงทุนแบบไหนที่เหมาะกับเรา อาจต้องลงทุนบ้าง หรือว่าสามารถไปห้องสมุดมารวยก็ได้นะครับมีหนังสือให้ยืมได้ก็ลองเอามาอ่านให้เข้าใจ อ่านเยอะๆ เรียนรู้เยอะๆกว่าย่อมมีประโยชน์กว่าเป็นไหนๆ อ่านให้แตกฉาน ให้ตกตะกอน จนรู้ว่าอะไรควรจะรู้และอะไรไม่ควรรู้ อันไหนจำเป็นก็ศึกษาเพิ่มเติมอันไหนเฉยๆก็ไว้ว่างๆค่อยมาดูก็ได้ อาจจะต้องลงทุนบ้าง ลองหาคอร์สที่ไม่แพง หรือ หนังสือดีๆมานั่งอ่านหาความรู้ไปเรื่อยๆก่อน จนกว่าจะแน่ใจเรื่องหุ้นว่าเข้าใจมันดีค่อยเข้าไปลงทุน เสียดาย แต่ไม่เสียเงินให้ตลาดนะครับ
วันนี้ก็ฝากไว้แค่นี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวจะมาต่อตอนที่ 2 ต่อให้
#ลงทุนในหุ้น #เริ่มต้นลงทุน #สิ่งเล็กๆที่เรียกว่าหุ้น