8 ข้อดีของการลงทุนระยะยาว
8 ข้อดีของการลงทุนระยะยาว (สำหับกองทุนและหุ้น)
สำหรับการลงทุนนั้นนักลงทุนจะเลือกลงทุนได้หลายแบบ จะสั้นก็ได้ สั้นบ้างยาวบ้าง หรือจะลงทุนกันแบบยาวๆเลยก็ได้ ซึ่งแต่ละแบบก็มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป สำหรับการลงทุนระยะยาวแล้วก็มีข้อดีที่น่าสนใจ เรามาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง
ผลตอบแทนที่ดีกว่า: นั่นหมายถึงการเลือกหุ้นดีๆ ธุรกิจดีๆแล้วถือยาวๆไป การไม่รีบขายหุ้นดีๆออกไปตอนที่มันยังไม่ผลิดอกออกผล ในบางครั้งหุ้นดีๆในระยะสั้นก็ยังไม่ให้ผลตอบแทนที่ดีดังนั้นถือข้ามผ่านเวลาไปซักช่วงให้ธุรกิจมีการเติบโตจะให้ผลตอบแทนที่ดี แต่การถือหุ้นระยะยาวที่ให้ผลตอบแทนดีนั่นคือการซื้อหุ้นที่ดีด้วยเช่นกัน เพราะหากการซื้อหุ้นที่ไม่ดี ไม่เติบโต การถือยาวๆอาจยิ่งทำให้ผลตอบแทนแย่ลง
เป้าหมายระยะยาว: เมื่อการลงทุนของเราเป็นเงินเย็น และเงินลงทุนของเราแต่ละก้อนนั้น เรามีเป้าหมายระยะยาวในการคาดหวังผลตอบแทน เช่นว่า เราต้องการเกษียณ เราต้องการจะสร้างครอบครัว เราต้องการทำธุรกิจ ซึ่งเงินเหล่านี้จะมีเวลาให้เราได้ลงทุนแบบยาวๆ เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายระยะยาวได้
ใช้วางแผนได้ดีกว่า: สอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาว การลงทุนที่ถูกบีบรัดด้วยเวลา จะใช้วางแผนได้ยากมาก เช่นว่าต้องการเงินก้อนนี้เอาไปลงทุนให้ได้ผลตอบแทน 10% ในอีก 3 เดือนจะเอาไปจ่ายค่าเทอมลูก การวางแผนการลงทุนด้วยแนวทางระยะยสั้นนั้น อาจทำให้เกิดความเสียหายและไม่เป็นไปตามแผนได้
ความเสี่ยงน้อยกว่า: แม้แต่ธุรกิจที่ดีที่สุดก็มีช่วงเวลาที่ไม่ดี ความเสี่ยงในระยะสั้นนั้นยิ่งโดยเฉพาะความเสี่ยงจากราคาที่ผันผวนในระยะสั้นนั้นเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ของนักลงทุนทุกคน แต่ในระยะยาวแล้วจะเป็นเรื่องที่แตกต่างกันออกไป เพราะว่าเมื่อธุรกิจเติบโตขึ้นไป ราคาพื้นฐานในแต่ละช่วงเวลาจะถูกขยับขึ้นไปตามพื้นฐาน และทำให้ราคาที่ผันผวนแต่ละวันจะน้อยลงไปเมื่อเทียบกับต้นทุนที่เรามีอยู่ในตอนแรก
ไม่ต้องใช้เวลาเยอะ: สำหรับการมานั่งมองดูราคา มองจอทั้งวัน จะใช้เวลาในการเลือกหุ้นแค่ตอนแรกเท่านั้น และหลังจากนั้นก็คอยตามดูหุ้นดูกิจการที่เราเลือกเป็นระยะ จากข่าว จากงบการเงินต่างๆ แต่ไม่จำเป็นต้องตามติดกันแบบนาทีต่อนาที ซึ่งทำให้เราสามารถเอาเวลาเหล่านี้ไปใช้ชีวิต ไปทำงาน ไปดูแลครอบครัวได้อย่างสบายใจ
ไม่เครียด: เพราะได้ผลตอบแทนดี เสี่ยงน้อย ไม่ต้องใช้เวลาเยอะ ก็เลยไม่เครียด ไม่ต้องนั่งทนดูราคาขึ้นลง และรีบซื้อขายทุกวัน
ไม่เปลืองค่าคอม/ค่าเทรด: ค่าคอมมิสชั่นที่เสียถึงแม้จะดูน้อยนิด แต่ก็เป็นค่าใช้จ่ายที่สูงเมื่อเทรดบ่อยๆและทำการรวบยอด สมมติว่าคุณเทรดทุกวัน ซื้อขายวันละ 1 รอบ เทรดทั้งหมด 200 วัน หากค่าคอมมิสชั่นอยู่ที่ 0.25 เท่ากับว่าวันนึงคุณเสียไป 0.5% และ 200 วันก็เท่ากับ 100% ถ้าคุณลงทุนที่ 1 ล้านและเทรดทุกวัน 200 วันต่อปี คุณจะเสียค่าคอม 1 ล้านบาท (คุณคงอยากได้กำไร 100% มากกว่าใช่มั้ย?)
มีปันผล: ระหว่างรอให้หุ้นที่เราเลือกมาปลดล็อคมูลค่า เราก็ยังมีปันผลระหว่างทางกันด้วยและในหลายๆกรณีปันผลเหล่านี้ยังได้มากกว่าฝากเงินไว้กับธนาคารอีก
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ หวังว่าจะมีประโยชน์กับนักลงทุนกันนะครับ ส่วนสำหรับใครยังมีปัญหาการลงทุน หรือไม่รู้จะวางแผนการลงทุนอย่างไรก็สามารถติดต่อเพื่อปรึกษาได้ฟรีครับ