กฏเหล็กการลงทุน 25 ข้อของ Peter Lynch (ปีเตอร์ ลินช์)
กฏเหล็กการลงทุน 25 ข้อของ Peter Lynch (ปีเตอร์ ลินช์)
Peter Lynch เป็นผู้จัดการกองทุนที่ Magellan Fund ที่อเมริกา 13 ปี ตลอดเวลาที่เป็นผู้จัดการกองทุนนั้นเค้ามีผลงานเป็นอันดับหนึ่งของอเมริกา และหลักการของ Peter Lynch นั้นก็ง่ายมาก ซึ่งคนทั่วไป มือสมัครเล่น หรือแม้แต่เด็กประถมเองก็สามารถลงทุนได้ผลตอบแทนที่ดี และตัวของ Peter Lynch เองก็ไม่ได้ใช้โปรแกรมการคำนวณอะไรที่ซับซ้อนเลย เค้าจะเน้นแค่การลงทุนในหุ้น โดยการใช้การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานจริงๆ คุณเองก็สามารถทำได้เช่นกัน เรามาดูกันดีกว่าว่า Peter Lynch มีหลักการอย่างไรบ้าง
1. การลงทุนเป็นเรื่องสนุกที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและก็อันตรายสุดๆ หากคุณไม่ศึกษาและวิเคราะห์การลงทุน
2. แต่ละคนมีความสามารถไม่เหมือนกัน และความเก่งและความสามารถในการลงทุนของแต่ละคนนั้นก็ไม่ได้มาจากนักวิเคราะห์หรือผู้จัดการกองทุน จริงๆคุณเก่งอยู่แล้วมีความรู้อยู่แล้ว คุณสามารถชนะตลาดหุ้นได้สบายๆถ้าคุณลงทุนในบริษัทหรือธุรกิจที่คุณเข้าใจเป็นอย่างดี
3. ถ้านักลงทุนรายใหม่อยากชนะตลาดก็จำเป็นต้องวิเคราะห์และศึกษาการลงทุนด้วยตัวเองจะดีกว่าที่จะฟังคนอื่นบอกมาอีกที
4. คอยติดตามบริษัทที่คุณลงทุนไปอย่างสม่ำเสมอ คอยตรวจดูงบ ดูความเป็นไปของบริษัท ดูสินค้าบริการของบริษัท
5. ราคาหุ้นกับผลประกอบการจะมีความสัมพันธ์กันแบบตรงไปตรงมา กำไรดีราคาหุ้นก็จะดีไปด้วยเพียงแต่ในระยะสั้นหรือแม้กระทั้ง 2-3 ปี อาจจะมีความไม่สัมพันธ์กันบ้างแต่ระยะยาวแล้วยังไงราคาก็จะวิ่งไปหากำไรเสมอ
6. ลองบอกเหตุผลต่างๆมาว่าทำไมคุณถึงซื้อหุ้นตัวนี้ แล้วก็เป็นเหตุผลดีๆด้วยนะ ยิ่งบอกได้มากเท่าไรแปลว่าคุณรู้จักธุรกิจมากขึ้นเท่านั้น
7. ภาพรวมยาวๆเป็นสิ่งที่ดี แต่การมองยาวเกินไปด้วยตัวแปรหลากหลายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ คุณอาจจะประเมินธุรกิจได้ผิดไป
8. ไม่ต้องมีหุ้นเยอะถ้าคุณดูแลไม่ไหว เอาให้พอดีกับที่ตัวคุณจะดูแลและรับมือไหว
9. ไม่ต้องรีบร้อนถ้าคุณหาหุ้นที่จะลงทุนไม่ได้ เงินสดเก็บไว้ก่อนได้จนกว่าจะเจอหุ้นที่ถูกใจ
10.หลีกเลี่ยงธุรกิจและหุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่ร้อนแรง แต่ควรลงทุนในอุตสาหกรรมที่คนปกติไม่ค่อยสนใจหรือเติบโตน้อยแต่หุ้นนั้นเจ๋งในธุรกิจนั้นๆ
11. ถ้าบริษัทขนาดเล็กๆที่คุณไปลงทุนนั้นกำไรไม่สม่ำเสมอ รอซักนิด รอดูว่าเรือเล็กๆเหล่านั้นไปรอดได้จริงๆมั้ย แล้วค่อยตัดสินใจลงทุน
12. ถ้าคุณอยากลงทุนในหุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่กำลังเจอวิกฤติ เลือกเอาบริษัทที่แกร่งที่สุดที่จะรอดจากวิกฤติมาได้
13. เงินลงทุน 1 พันบาทมีโอกาสขาดทุนแค่ 1 พันบาท แต่คุณมีโอกาสกำไร ได้ 1 ล้านบาท หรือ 10 ล้านบาทถ้าคุณวิเคราะห์ได้ดีและใจเย็นพอ
14. ในหลายๆกรณีนักลงทุนรายย่อย และนักลงทุนสมัครเล่นหาหุ้นดีเยี่ยมได้เจอก่อนผู้จัดการกองทุนหรือนักลงทุนมืออาชีพได้
15. ตลาดหุ้นมีขึ้นมีลง เป็นเรื่องปกติหากวันไหนตลาดจะตก เหมือนกับฝนตกแดดออกนั่นแหล่ะ
16.ถ้าใจไม่นิ่งพอที่จะถือหุ้นตอนหุ้นตกหรือตลาดวิกฤติ อย่าพึ่งลงทุนในหุ้นจนคุณจะทนไหว
17. ปัจจัยภายนอกเป็นแค่ส่วนประกอบหนึ่ง ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทต่างหากที่สำคัญ นักลงทุนควรซื้อขายหุ้นบนปัจจัยพื้นฐาน และขายตอนปัจจัยพื้นฐานแย่ลง
18. ภาพรวมเศรษฐกิจไม่ว่าจะดอกเบี้ย หรือแนวโน้มเศรษฐกิจยากที่จะทำนายได้ถูกต้อง ดังนั้นสนใจที่ตัวหุ้นตัวบริษัทที่คุณลงทุนไปอย่างสม่ำเสมอดีกว่า
19. ใน 10 บริษัทที่คุณวิเคราะห์มาคุณจะเจอ 1 บริษัทที่ดีเยี่ยมแล้วถ้าในตลาดมี 500 บริษัทล่ะคุณจะเจอกี่ตัว
20.การลงทุนในหุ้นจะเป็นความเสี่ยงและเป็นการพนันแน่นอนหากคุณไม่ศึกษาหรือวิเคราะห์การลงทุนในหุ้น
21.เวลาจะเป็นเพื่อนคุณหากคุณลงทุนในหุ้น ถึงแม้บริษัทนั้นจะโตช้ามากๆ แต่จะตรงข้ามกันหากคุณซื้อ derivatives ต่างๆ เวลาจะเป็นศัตรูคุณทันที
22. กองทุนรวมที่มีการกระจายความเสี่ยงหลายๆประเภทก็ดี หากคุณขี้เกียจแล้วก็ไม่มีเวลามานั่งวิเคราะห์เอง อย่างน้อยก็ดีกว่าคุณซื้อหุ้นมั่วๆไป
23. ค่าคอมมิสชั่นนั้นจะมีมูลค่าสูงมากหากคุณเทรดหุ้นบ่อย คิดเล่นๆ ค่าคอมมิสชั่นที่ 0.25% คุณซื้อขายทุกวัน เท่ากับว่าคุณเสียไปแล้ว 0.5% ต่อวัน ถ้าคุณเทรดแค่ 200 วันละ คุณเสียเงินต้นไปแล้วทั้งก้อนโดยที่ยังไม่รู้เลยว่ากำไรจากการเทรดเป็นยังไง
24. ในบรรดาตลาดหุ้นทั่วโลก ตลาดหุ้นที่อเมริกาให้ผลตอบแทนรวมในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาสูงเป็นอันดับแปดของโลก คุณจะสามารถหาประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็วกว่าโดยการนำเงินไปลงทุนต่างประเทศที่มีผลตอบแทนที่ดี
25. ในระยะยาวแล้ว พอร์ตการลงทุนที่ประกอบด้วยหุ้นและกองทุนหุ้นที่ดีจะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าพอร์ตที่ประกอบด้วยตราสารหนี้หรือการลงทุนในตลาดเงิน อย่างไรก็ตามในระยะยาว พอร์ตที่ประกอบด้วยหุ้นและกองทุนหุ้นแบบแย่ๆ จะไม่สามารถให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินที่ถูกเก็บเอาไว้ใต้ที่นอนได้
สิ่งเล็กๆที่เรียกว่าหุ้น