ของดีจากตลาดหลักทรัพย์
มองภาพรวมของธุรกิจง่ายๆจากของฟรีในตลาดหลักทรัพย์
ไม่ใช่อะไรครับเว็บ settrade หรือ set.or.th นั่นเอง ที่เป็นของดีจากตลาดหลักทรัพย์ที่ให้ข้อมูลแก่นักลงทุนกันฟรีๆ มีข้อมูลดีๆหลายๆอย่าง รวมถึงข่าวสารต่างๆของตลาดหลักทรัพย์เอง หรือว่าเป็นข่าวที่จริงแล้วถึงจะได้ลงในเว็บเท่านั้น ข่าวลือต่างๆจะไม่มีปรากฏในเว็บเด็ดขาด ซึ่งนักลงทุนก็สามารถสบายใจได้เพราะเป็นข่าวที่เป็นทางการแล้ว ที่เหลือเราก็นำข่าวนั้นมาวิเคราะห์ถึงผลกระทบต่างๆกับตัวหุ้นได้อีกที
ส่วนตัวผมใช้ settrade ทุกครั้งครับและใช้สำหรับการลงทุนตลอดและเพียงพอต่อการลงทุนต่างๆ และน้อยที่สุด เราจะเข้าใจรายละเอียดต่างๆของหุ้นตัวนั้นๆได้อย่างดีทีเดียว หากมองง่ายๆ ในช่องค้นหาข้อมูลหลักทรัพย์ เราใส่ตัวย่อของบริษัทเข้าไปเราจะได้รายละเอียดของหุ้นตัวนั้นทั้งหมดที่ผ่านตลาดหลักทรัพย์มาแล้ว ซึ่งเป็นข้อมูลแท้ที่สุดครับ
ผมขอยกตัวอย่างหุ้น ปตทนะครับซึ่งตัวย่อก็คือ PTT เมื่อเรากดเข้ามาแล้วหากเรายังไม่รู้จัก PTT ลองเข้าไปที่ factsheet นะครับ อันนี้จะเป็นเหมือนบทสรุปว่าบริษัทนี้มีรายละเอียดอย่างไรบ้าง
มาที่ส่วนแรกกันเลยครับ เราจะเห็น ที่อยู่ที่ติดต่อของบริษัทนั้น ราคาหุ้นย้อนหลังเทียบกับกลุ่ม และเทียบกับ SET จะมีลักษณะธุรกิจคร่าวๆมาให้อ่านให้เข้าใจได้นิดหน่อยว่าบริษัทนี้ทำอะไร ซึ่งสำหรับ ปตท ก็จะอธิบายไว้ว่าเป็น ธุรกิจปิโตรเลียมและปิโตรเคมีครบวงจร โดยผ่านธุรกิจที่ดำเนินงานเองและธุรกิจที่ลงทุนผ่านบริษัทในกลุ่ม ได้แก่ การสำรวจและผลิต จัดหาและจัดจำหน่าย ขนส่ง และแยกก๊าซธรรมชาติ ดำเนินกิจการค้าระหว่างประเทศสำหรับผลิตภัณฑ์น้ำมันและปิโตรเคมี และมีการลงทุนในธุรกิจการกลั่นและปิโตรเคมีในประเทศ และดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ทั้งในและต่างประเทศ
ส่วนราคานั้นก็ช่วงที่ผ่านมานั้นมีการเคลื่อนไหวที่สูงกว่าทั้ง SET และกลุ่มน้ำมัน และจะมีค่า PE PB ราคาสูงสุดต่ำสุดในรอบปี (52 อาทิตย์) market cap รวมถึง EBITDA ด้วย
ส่วนต่อลงมาจะประกอบด้วย ผู้ถือหุ้นรายใหญ่มีใครบ้าง, รายละเอียดหุ้นเทียบปี 2555 2556 และปีปัจจุบัน, คณะกรรมการว่าเป็นใครบ้าง, อัตราผลตอบแทนการเปลี่ยนแปลงของราคา อัตราผลตอบแทน เงินปันผลต่างๆ เทียบ ปี 2555 – ปัจจุบัน และอัตราการจ่ายเงินปันผล
เราก็จะเห็นได้ว่า กระทรวงการคลังถือหุ้นอยู่ 51.11% และที่เหลือก็จะเป็นกองทุนรวมต่างๆ ธนาคาร NVDR สำนักประกันสังคม และอื่นๆ
จำนวนหุ้นไม่ได้เพิ่มขึ้น ราคาพาร์ยังเท่าเดิมตั้งแต่ปี 2555 มูลค่าของหลักทรัพย์ เพิ่มจาก 948,291 ล้านบาทในปี 2555 เป็น 1,005,417.47 ล้านบาทในปี 2557 (ณ เวลาปัจจุบัน)
P/BV จาก 1.6 เท่าเป็น 1.4 เท่า
P/E จาก 9.62 เท่าเป็น 9.65 เท่า
Turnover ratio (ปริมาณซื้อขายหมุนเวียน) จาก 34.13% เป็น 27.62%
มูลค่าซื้อขายต่อวัน ลดลงจาก 1,323.51 ล้านบาทมาเป็น 1,243.37 ล้านบาทในปัจจุบัน
ส่วนผู้บริหารเป็นคุณปิยสวัสดิ์ เป็นประธานกรรมการ คุณไพรินทร์ เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ เราอาจจะเจาะลึกต่อก็ได้ครับว่าผลงานของท่านผู้บริหารเป็นอย่างไร ซึ่งตอนนี้เรารู้แล้วว่าใครเป็นหัวเรือใหญ่
ส่วนเงินปันผลนั้น ณ ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 3.69% ราคาของปีนี้ขึ้นมา 23% เข้าไปแล้ว
ต่อจากนั้นก็จะเป็นข้อมูลงบการเงิน (ตัวเลขยึบยับเลย)
ทั้งหมดมี 3 ส่วนหลักๆ
1. งบแสดงฐานะการเงิน (Balance sheet) จะเห็นว่าบริษัทมีทรัพย์สินอะไรบ้าง ซึ่งสำหรับ ปตท แล้วทรัพย์สินส่วนใหญ่ที่สุดก็จะเป็น ที่ดินอาคาร รองลงมาก็จะเป็น ลูกหนี้ ซึ่งสองส่วนนี้ก็เกินครึ่งของทรัพย์สินทั้งหมดเข้าไป ที่เหลือก็จะเป็นเงินสด ส่วนหนี้สินนั้นเกินครึ่งก็จะเป็นหนี้สินระยะยาวครับ ซึ่งโดยส่วนมากแล้วหนี้สินระยะยาวจะมีดอกเบี้ย สำหรับคนอยากรู้ต่อก็เข้าไปอ่านกันได้ใน auditor report นะครับว่าส่วนนี้มีดอกเบี้ยมากน้อยแค่ไหนจะครบชำระเมื่อไร
2.งบกำไรขาดทุน (Income Statement) ก็จะเห็นรายได้ รายได้ และกำไรของบริษัท ซึ่งในสำหรับ ปตทนั้น ครึ่งปี 2557 สามารถทำรายได้ ได้มากถึง 1.4 ล้านล้านบาท และต้นทุน 1.3ล้านล้านบาท และหลังจากหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้วเหลือกำไร 58 หมื่นล้านบาท (หรือเป็น margin 4%) และกำไรต่อหุ้นเท่ากับ 20.84 บาท
3.งบกระแสเงินสดจาก 3 แหล่งจากกิจกรรมดำเนินงาน จากกิจกรรมการลงทุน และ กิจกรรมการหาเงิน ซึ่งแหล่งกระแสเงินสดของ ปตท นั้นก็มาจากการดำเนินกิจการนั่นเอง แปลว่าเงินหมุนเวียนที่เอามาใช้ได้เอามาจากกิจกรรมโดยตรงของ ปตท เอง
ส่วนสุดท้ายในหน้านี้ก็คืออัตราส่วนทางการเงินต่างๆ เราก็จะเห็นว่าอัตราส่วนทางการเงินของ ปตท เป็นอย่างไร เท่าที่ดูคร่าวๆคือ มีสภาพคล่อง D/E อัตรากำไรขั้นต้น อัตรากำไรสุทธิที่ดีขึ้น
ส่วนการเปลี่ยนแปลงนั้น หากเทียบ YoY นั้นจะเห็นว่า อัตราการเปลี่ยนแปลงยอดขาย การเปลี่ยนแปลงต้นทุน อัตราเปลี่ยนแปลงรายได้รวม อัตราการเปลี่ยนแปลงค่าใช้จ่ายรวม และอัตราเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้นทั้งหมด แต่จากการวิเคราะห์แบบเร็วๆนั้นจะเห็นได้ว่าการเพิ่มขึ้นของรายได้มีสัดส่วนที่ใกล้เคียงกับการเปลี่ยนแปลงค่าใช้จ่าย แต่อัตราการทำกำไรสุทธิกลับเพิ่มสูงขึ้นมาก ซึ่งนั่นอาจจะมาจากสินค้าที่ขายได้เป็นสินค้าที่มีสัดส่วนกำไรเยอะ (รึเปล่า ต้องไปเช็คกันอีกทีว่ารายได้จากส่วนไหนเพิ่ม)
เห็นมั้ยครับ ว่าแค่เพียงเข้าไปยัง settrade เพียงหน้าเดียว ก็ทำให้เราเห็นหน้าตาของบริษัทนี้ได้มากขึ้นและสามารถทำให้เราเข้าใจบริษัทๆนึงได้มากขึ้น ที่เหลือก็เป็นหน้าที่นักลงทุนกันต่อไปแล้วว่า เห็นแล้วสนใจบริษัทนี้มากน้อยแค่ไหน และมีส่วนไหนที่เราอยากรู้เพิ่มอีก นั่นก็เป็นสิ่งที่นักลงทุนอย่างเราๆต้องทำกันเพื่อหาข้อมูลให้แน่ใจก่อนการลงทุนกันครับ
บทความนี้ยกขึ้นมาเพื่อเป็นตัวอย่างเท่านั้นนะครับ ไม่ได้ต้องการจะชี้นำเรื่องหุ้นแต่อย่างใด ขอให้นักลงทุนใช้วิจรณญานการลงทุนส่วนตัวครับ และการลงทุนมีความเสี่ยงครับผม
ขอให้สนุกกับการลงทุนครับ และหากสนใจคอร์สอบรมดีๆเกี่ยวกับการลงทุนในหุ้น ในวันที่ 25 มกราคม 2015นี้ครับและ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.thaistockfocus.com ครับ