บทเรียนการลงทุนบทที่ 14: ซื้อตอนไหน

หลังจากเฟ้นหาหุ้นและวิเคราะห์กันมาอย่างละเอียดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแนวทางการลงทุนแบบ VI หรือ เก็งกำไร หรือ การใช้กราฟต่างๆ หลายๆคนอาจจะมีแนวทางการซื้อแตกต่างกันออกไป ไม่มีวิธีไหนถูกหรือผิด และต่างก็ไม่มีใครรู้อนาคตว่าราคาจะเป็นอย่างไร ดังนั้นคำถามหนึ่งที่สำคัญสำหรับนักลงทุนทั้งหลายคือ ซื้อเมื่อไร

สำหรับนักลงทุนแบบ technical อาจจะมีตัวช่วยเรื่องกราฟว่า จะซื้อตอนไหน แล้วสำหรับนักลงทุนแบบ VI ละจะซื้อตอนไหนดีเพราะไม่มีเครื่องมือแบบ technical ซึ่งในมุมมองผม ผมมองว่าหากเราวิเคราะห์หุ้นหรือธุรกิจนั้นมาดีแล้วและคำนวนมูลค่าของธุรกิจนั้นออกมาได้ เมื่อเปรียบเทียบกับราคาปัจจุบันแล้ว ยังมีส่วนต่างอยู่ ซึ่งแปลว่าราคาปัจจุบันในตลาดน้อยกว่ามูลค่าที่เราวิเคราะห์มา เราจะสามารถซื้อได้ทุกราคาครับ และยิ่งมีส่วนต่างมากเท่าไร (Margin of Safety) ก็จะยิ่งปลอดภัยสำหรับนักลงทุนมากเท่านั้น

ยกตัวอย่าง หากหุ้นตัวนึงที่คุณทำการวิเคราะห์ไว้ ราคาปัจจุบันอยู่ที่ 100 บาท และคุณคำนวณว่ามูลค่าอีก 3 ปีจะอยู่ที่ 120 บาท นั่นแปลว่าคุณมีส่วนต่างอยู่ 20 บาท หากคุณวิเคราะห์ถูก คุณจะได้ส่วนต่างตรงนี้ไป ซึ่งในกรณีนี้หมายถึงว่าที่ราคาต่ำกว่า 120 บาททั้งหมด คุณจะได้กำไร คุณอาจจะซื้อที่ 110 บาทก็ยังต่ำกว่ามูลค่าที่คุณประเมินมา แต่หากมันลงไปเรื่อยๆจนถึง 90 บาท 80 บาท หรือต่ำกว่านั้น นั่นแปลว่าคุณยิ่งมีส่วนต่างมากขึ้นเมื่อเทียบกับมูลค่ามัน ไม่ต้องรอให้จนถึงจุดต่ำสุดเพราะผมเชื่อว่าน้อยคนนักจะซื้อได้ในราคาต่ำสุด แต่เราต้องการแค่กำไรจากการลงทุน ซึ่งหากเราสามารถซื้อได้ในราคา 80 บาทแต่มันตกลงไปถึง 50 บาท โดยที่มูลค่าที่คุณมองไว้คือ 120 บาท คุณก็ยังมีส่วนต่างถึง 40 บาทครับ ดังนั้นแล้ว คุณอาจจะลองปรับแนวทางการซื้อว่าคุณจะแบ่งเงินก้อนนี้เป็นกี่ก้อนในการเข้าซื้อหุ้นตัวนี้ เช่น ครั้งแรก50% ครั้งต่อไปทีละ 25% อีกสองครั้ง หรือว่าทีเดียว 100% ก็ไม่มีผิดหรือถูก ตราบใดที่คุณซื้อต่ำกว่ามูลค่าของหุ้น ณ เวลานั้นครับ

นอกจากนี้ช่วงวิกฤติตลาดหุ้นต่างๆ (หากเราประเมินแล้วว่าวิกฤตินั้นๆไม่กระทบถึงพื้นฐานของหุ้น) ทำให้ราคาหุ้นๆนั้นตกลงมาอย่างรวดเร็ว อาจจะเป็นโอกาสดีๆในการเข้าซื้อครับ ยากมั้ยครับ วันนี้ลองมาแชร์กันว่าคุณซื้อหุ้นกันตอนไหน อย่างไรบ้าง ขอให้โชคดีในการลงทุนนะครับ

สิ่งเล็กๆที่เรียกว่าหุ้น

#การลงทุนในหุ้น #หุ้น #การซื้อหุ้น